ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:วิตกเฟดขึ้นดบ.กดหุ้นสหรัฐปรับลง

นิวยอร์ค--1 มิ.ย.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันพุธ ในขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมที่จะโหวตร่างกฎหมายข้อตกลงในการระงับเพดานหนี้รัฐบาลสหรัฐในช่วงต่อไปในวันพุธ นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐก็รายงานตัวเลขตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาดในวันพุธ และตัวเลขดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ ถ้าหากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโหวตอนุมัติร่างกฎหมายในการระงับเพดานหนี้ในช่วงต่อไปในวันพุธ ร่างกฎหมายดังกล่าวก็จะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาในวุฒิสภาสหรัฐ และอาจจะมีการอภิปรายเรื่องร่างกฎหมายนี้ในวุฒิสภาจนถึงช่วงสุดสัปดาห์ ทางด้านนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า วุฒิสภาจะอนุมัติร่างกฎหมายนี้ในเวลาต่อมา และประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐก็กล่าวในวันพุธว่า เขาคาดว่าวุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายนี้มาให้เขาลงนามภายในวันจันทร์ที่ 5 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะเริ่มประสบปัญหาในการชำระเงิน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.41% สู่ 32,908.27, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.61% สู่ 4,179.83; และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.63% สู่ 12,935.29 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดช่วงสิ้นเดือนเม.ย. ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดเดือนพ.ค.ในแดนลบ, ดัชนี S&P 500 บวกขึ้น 0.26% ในเดือนพ.ค. และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 5.80% ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ถ้าหากแยกตามหุ้นกลุ่มต่าง ๆ แล้ว หุ้น 3 กลุ่มใหญ่ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในสหรัฐในเดือนพ.ค.ก็ได้แก่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ที่พุ่งขึ้น 10.5%, หุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารที่ทะยานขึ้น 6.3% และหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่พุ่งขึ้น 4.0% ส่วนหุ้น 3 กลุ่มใหญ่ที่ดิ่งลงมากที่สุดในสหรัฐในเดือนพ.ค.ก็ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานที่รูดลง 8.9%, หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคที่ดิ่งลง 7.3% และหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นที่รูดลง 6.3% ในเดือนพ.ค.

  • กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยผลสำรวจตำแหน่งงานว่างและการเข้า-ออกงาน (JOLTS) ในวันพุธ โดยผลสำรวจระบุว่า ยอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐพุ่งขึ้น 358,000 ตำแหน่ง สู่ 10.103 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 9.375 ล้านตำแหน่ง และรายงานตัวเลขดังกล่าวก็ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์กันในตอนแรกว่า มีโอกาสราว 71% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี หลังจากนายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน หนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในเวลาต่อมา นักลงทุนก็คาดการณ์ว่า มีโอกาสเพียง 33.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และมีโอกาส 66.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.

  • นายเจฟเฟอร์สันกล่าวเตือนว่า ถึงแม้เฟดอาจจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. การตัดสินใจดังกล่าวก็ไม่ได้หมายความว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินได้สิ้นสุดลงแล้ว และเขากล่าวเสริมว่า การข้ามผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งจะเปิดโอกาสให้เฟด "ได้ดูข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องขนาดของการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป" ทางด้านนายแพทริค ฮาร์เคอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวในวันพุธว่า เขามีแนวโน้มที่จะสนับสนุนให้เฟดข้ามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เฟดตัดสินใจได้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.หรือไม่

  • บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ระบุว่า ยอดเงินฝากโดยรวมในธนาคารสหรัฐดิ่งลง 2.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ หลังจากมีการสั่งปิดกิจการธนาคารสำคัญ 2 แห่งในสหรัฐในไตรมาสแรก ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐดิ่งลง 1.1% ในวันพุธ ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 2.0%--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้