ReutersReuters

USA:วิเคราะห์ผลกระทบที่ตลาดหุ้นสหรัฐอาจได้รับจากดีลเพดานหนี้

29 พ.ค.--รอยเตอร์

  • นักลงทุนทั่วโลกพยายามคาดการณ์ว่า ข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบในแบบใดได้บ้างต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้ประกาศในวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ค.ว่า เขาได้เสร็จสิ้นจากการจัดทำข้อตกลงเรื่องงบประมาณกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันแล้ว หลังจากเขาได้บรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับนายแมคคาร์ธีในคืนวันเสาร์ โดยข้อตกลงดังกล่าวจะระงับการใช้เพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ไว้จนถึงวันที่ 1 ม.ค. 2025 และข้อตกลงดังกล่าวพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่การโหวตในสภาคองเกรส ทางด้านสภาคองเกรสจำเป็นจะต้องผ่านข้อตกลงนี้ให้ทันก่อนวันที่ 5 มิ.ย. ในขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่มีเงินเหลือพอไว้ใช้ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันที่ 5 มิ.ย. ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม ซึ่งรวมไปถึงหุ้นบางกลุ่มที่เคยปรับตัวอย่างอ่อนแอในช่วงต้นปีนี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจและหุ้นบริษัทขนาดเล็ก

  • นักลงทุนบางรายแสดงความกังวลว่า ข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ในครั้งนี้ครอบคลุมข้อเสนอในการจำกัดงบประมาณรายจ่ายด้วย และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลลบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ กระบวนการเจรจาต่อรองที่กินเวลายาวนานจนเกือบถึงเส้นตายก็อาจจะส่งผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐด้วย ทั้งนี้ นายบ็อบ สตาร์ค จากบริษัทไคริบากล่าวว่า "ถึงแม้การบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ของทำเนียบขาวถือเป็นข่าวที่ดีมาก รัฐบาลสหรัฐก็ยังคงมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด" และเขากล่าวเสริมว่า "ข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ถือเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการช่วยเหลือรัฐบาลสหรัฐให้รอดพ้นจากภาวะขาดสภาพคล่อง" นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่า “นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า การปรับลดงบประมาณรายจ่ายลงจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อเศรษฐกิจสหรัฐ"

  • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 9.5% จากช่วงต้นปีนี้ และปิดตลาดวันศุกร์ที่ 4,205.45 ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2022 ในขณะที่ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ได้ทันก่อนเส้นตาย และตลาดหุ้นก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วย ทั้งนี้ ควินซี ครอสบี หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดโลกของบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้อาจจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอาวุธ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยปรับตัวอ่อนแอกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ในช่วงที่มีการเจรจาต่อรอง และอาจจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจกับหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ทางด้านนายสจ็วร์ต ไคเซอร์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การค้าหุ้นของซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า ข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้อาจจะส่งผลบวกเล็กน้อยต่อดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม แต่จะส่งผลบวกมากเป็นพิเศษต่อหุ้นบริษัทที่เคยปรับตัวอ่อนแอในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทขนาดเล็ก และหุ้นบริษัทที่มีงบดุลอ่อนแอ

  • นักลงทุนจับตาดูว่า ความขัดแย้งในเรื่องเพดานหนี้ในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สหรัฐลงหรือไม่ด้วย หลังจากบริษัทฟิทช์ได้ประกาศให้เครดิตพินิจเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ "AAA" ในวันพุธที่ 24 พ.ค. และบริษัทดีบีอาร์เอส มอร์นิงสตาร์ได้ประกาศในวันพฤหัสบดีว่าจะพิจารณาทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐโดยอาจจะปรับลดอันดับลง ทั้งนี้ บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์เคยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงในปี 2011 ในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ได้ทันก่อนเส้นตายอย่างฉิวเฉียด โดยการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนั้นมีส่วนทำให้ดัชนี S&P 500 ดิ่งลงราว 17% ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.จนถึงกลางเดือนส.ค. 2011

  • นักลงทุนคาดว่า ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจะแกว่งตัวผันผวนด้วย ในขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐมีแนวโน้มที่จะออกจำหน่ายพันธบัตรจำนวนมากภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้มีการดูดซับเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ออกจากตลาด--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้