ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปรับลงแต่ S&P,Nasdaq พุ่งขึ้น

นิวยอร์ค--26 พ.ค.--รอยเตอร์

  • ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี หลังจากบริษัทเอ็นวิเดีย ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก คาดการณ์รายได้รายไตรมาสที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในย่านวอลล์สตรีทราว 50% และระบุว่าเอ็นวิเดียกำลังปรับเพิ่มการผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตอบรับต่ออุปสงค์ที่พุ่งขึ้นสูงมาก โดยหุ้นเอ็นวิเดียทะยานขึ้น 24% ในวันพฤหัสบดีสู่สถิติระดับปิดสูงสุด และปัจจัยนี้ช่วยหนุนหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ให้พุ่งขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนก็ได้ซื้อขายหุ้นเอ็นวิเดียเป็นมูลค่าเกือบ 6.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนได้ราว 20% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งหมดในดัชนี S&P 500 ในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ ในบรรดาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI นั้น หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 3.9%, หุ้นแอลฟาเบททะยานขึ้น 2.1%, หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) พุ่งขึ้นราว 11%, หุ้นไมครอน เทคโนโลยีทะยานขึ้น 4.6% และหุ้นบรอดคอมพุ่งขึ้น 7.25% ทางด้านดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 6.8% สู่ระดับปิดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.11% สู่ 32,764.65, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.88% สู่ 4,151.28 โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 8% จากช่วงต้นปี 2023 ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.71% สู่ 12,698.09 ในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากหุ้นอินเทล คอร์ปที่ดิ่งลง 5.5% ในขณะที่นักลงทุนมองว่าอินเทลตามหลังบริษัทอื่น ๆ ในการแข่งขันด้าน AI

  • นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าในการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ในขณะที่มีข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงกันในการปรับลดงบรายจ่ายและในการปรับขึ้นเพดานหนี้จากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า ตัวเลขงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องการในตอนนี้อยู่ในระดับที่แตกต่างจากกันเพียงแค่ราว 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัทฟิทช์ได้ประกาศให้เครดิตพินิจเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ "AAA" ในวันพุธ และบริษัทดีบีอาร์เอส มอร์นิงสตาร์ได้ประกาศในวันพฤหัสบดีว่าจะพิจารณาทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐโดยอาจจะปรับลดอันดับลง ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นแตะ 4.539% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องเพดานหนี้

  • กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐปรับขึ้น 4,000 ราย สู่ 229,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 245,000 รายเป็นอย่างมาก ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยผลการประเมินครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐประจำไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดี โดยระบุว่าจีดีพีสหรัฐเติบโต 1.3% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) โดยปรับขึ้นจากตัวเลขประเมินครั้งแรกที่ 1.1% สำหรับไตรมาสแรก

  • หุ้นราล์ฟ ลอเรน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าหรูหราพุ่งขึ้น 5.3% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลกำไรที่สูงเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นเบสท์ บาย ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทะยานขึ้น 3.1% หลังจากเบสท์ บายเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้