ReutersReuters

USA:คาดตลาดหุ้นสหรัฐอาจผันผวนมากถ้ายังไม่บรรลุดีลเพดานหนี้ในช่วงนี้

นิวยอร์ค--23 พ.ค.--รอยเตอร์

  • นักยุทธศาสตร์การลงทุนบางรายในย่านวอลล์สตรีทแสดงความกังวลว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันในเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นยังคงปรับขึ้นในช่วงนี้ก็ตาม ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 9% จากช่วงต้นปีนี้ และเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2022 ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ได้ทันเวลา ก่อนที่จะถึงวัน X-date หรือวันที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งอาจจะตรงกับวันที่ 1 มิ.ย.ในปีนี้ โดยความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้อาจจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

  • นักยุทธศาสตร์การลงทุนบางรายกล่าวเตือนว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะแกว่งตัวผันผวนเป็นอย่างมากได้ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ในขณะที่ปัจจัยต่าง ๆ ในสหรัฐในช่วงนี้แตกต่างจากในปี 2011 ซึ่งเป็นปีที่สหรัฐเผชิญกับวิกฤติเพดานหนี้เช่นกัน โดยความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ในปีนั้นส่งผลให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ รวมทั้งส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลงเกือบ 20% ในช่วงนั้นด้วย ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารเจพีมอร์แกนระบุว่า สินทรัพย์เสี่ยงอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเพดานหนี้ในปีนี้มากกว่าในปี 2011 โดยเป็นผลจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการที่อัตราเงินเฟ้อในปีนี้อยู่สูงกว่าในปี 2011, มูลค่าหุ้นในปัจจุบันอยู่สูงกว่าในปี 2011 และอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่สูงกว่าในปี 2011

  • ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 ในปัจจุบันนี้อยู่ที่ราว 18.4 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.6 เท่า และอยู่สูงกว่าระดับ 12.2 เท่าในฤดูร้อนของปี 2011 ส่วนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปัจจุบันนี้อยู่ที่ 5.00-5.25% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 15 ปี และอยู่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับราว 0.125% ในปี 2011, อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในปัจจุบันนี้อยู่ที่ 4.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.6% ในปี 2011 นอกจากนี้ ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ก็มีแนวโน้มปรับขึ้น 5.7% ในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งต่ำกว่าระดับ +15.3% ของตัวเลขคาดการณ์ในปี 2011

  • นักลงทุนจับตาดูการเจรจาต่อรองเรื่องเพดานหนี้ในช่วงนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐและนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันประชุมกันเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงในวันจันทร์ แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ถึงแม้เหลือเวลาอีกเพียงแค่ราว 10 วันก่อนที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายประกาศว่าจะยังคงหารือกันอย่างสม่ำเสมอต่อไปในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า

  • นักลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้แสดงความกังวลมากนักในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2021 ในช่วงนี้ ในขณะที่ผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชที่ออกมาในสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า ผู้จัดการกองทุนทั่วโลก 71% คาดว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ก่อนถึงวัน X-date ทั้งนี้ บริษัทยูบีเอส โกลบัล เวลธ์ แมเนจเมนท์ระบุในสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางบริษัทคาดว่า ดัชนี S&P 500 จะดิ่งลงกว่า 10% ถ้าหากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนถึงวัน X-date แต่สถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่กรณีพื้นฐานที่ยูบีเอสคาดว่าจะเกิดขึ้น--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้