ReutersReuters

USA:วิตกเงินเฟ้อสหรัฐอาจจะไม่ชะลอตัวลงเร็วพอที่จะส่งผลให้เฟดลดดบ.

นิวยอร์ค--11 พ.ค.--รอยเตอร์

  • นักลงทุนบางรายแสดงความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะไม่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วมากพอที่จะสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ถึงแม้ว่าการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเคยเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นักลงทุนเคยคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 7% จากช่วงต้นปีนี้ และทะยานขึ้นมาแล้ว 15% จากจุดต่ำสุดของเดือนต.ค. 2022 อย่างไรก็ดี การคาดการณ์ดังกล่าวของนักลงทุนสวนทางกับจุดยืนของเฟดที่ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับราว 5.00-5.25% ต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้

  • นักลงทุนบางรายกังวลว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้ไม่ได้ช่วยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวรวมถึงตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ออกมาในวันพุธ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปของสหรัฐปรับขึ้น 4.9% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี หลังจากปรับขึ้น 5.0% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% เป็นอย่างมาก และสิ่งนี้สวนทางกับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้

  • นายปีเตอร์ ทูซ ประธานบริษัทเชส อินเวสท์เมนท์ เคาน์เซลกล่าวว่า "มูลค่าหุ้นในดัชนี S&P 500 อยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยอาจจะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงก่อนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ความคาดหวังดังกล่าวอาจจะไม่กลายเป็นความจริง และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะร่วงลงได้ในช่วงต่อไปในปีนี้" โดยในตอนนี้ดัชนี S&P 500 มีค่าพีอีเรโชอยู่ที่ 18 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.6 เท่าเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้ายังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ย fed funds ของสหรัฐอาจจะอยู่ที่ 4.33% ในเดือนธ.ค. โดยเทียบกับระดับ 5.00-5.25% ในปัจจุบัน

  • มูลค่าหุ้นสหรัฐในปัจจุบันนี้อาจได้รับแรงหนุนบางส่วนมาจากการคาดการณ์ผลกำไรภาคเอกชนในระดับสูง แต่การคาดการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่กลายเป็นความจริง ถ้าหากวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจจะปรับขึ้น 1.5% ในปีนี้ แต่สถิติจากในอดีตบ่งชี้ว่า ผลกำไรของบริษัทสหรัฐดิ่งลงเฉลี่ย 24% เมื่อเทียบรายปีในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

  • นักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตด้วย ในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐยังคงขัดแย้งกันเรื่องเพดานหนี้ในช่วงนี้ ทั้งนี้ นายแมทธิว มิสกิน หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทจอห์น แฮนค็อก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า "เรามองว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ได้ปรับตัวรับปัญหาอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปในปีนี้" โดยนายมิสกินได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ลงในระดับปานกลางในช่วงนี้ และเขาชื่นชอบหุ้นคุณภาพดีในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มปลอดภัย อย่างเช่นหุ้นกลุ่มการแพทย์--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้