ReutersReuters

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองดิ่งลง 1.7% หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

นิวยอร์ค--8 พ.ค.--รอยเตอร์

  • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐดิ่งลง 34.57 ดอลลาร์ หรือ 1.69% สู่ 2,016.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากราคาทองเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 2,072.19 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่ 2,072.49 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันที่ 7 ส.ค. 2020 โดยราคาทองได้รับแรงกดดันในวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างไรก็ดี ราคาทองปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นราว 1.3% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะถึงจุดสิ้นสุด ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 180,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังรายงานอีกด้วยว่า ค่าแรงเฉลี่ยต่อชั่วโมงปรับขึ้น 4.4% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +4.2%

  • ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดดิ่งลง 1.5% สู่ 2,024.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดรูดลง 0.415 ดอลลาร์ หรือ 1.59% สู่ 25.650 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 19.92 ดอลลาร์ หรือ 1.92% สู่ 1,059.17 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดทะยานขึ้น 42.21 ดอลลาร์ หรือ 2.91% สู่ 1,490.53 ดอลลาร์/ออนซ์

  • นายไท หว่อง เทรดเดอร์โลหะอิสระกล่าวว่า "ตัวเลขการจ้างงานจะไม่ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แต่ตัวเลขการจ้างงานมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด" และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลลบต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย ทั้งนี้ ราคาทองได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 3.352% ในวันพฤหัสบดี สู่ 3.446% ในวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน

  • นายอเล็กซานเดอร์ ซุมป์เฟอ ดีลเลอร์โลหะมีค่าของบริษัทเฮแรอุสกล่าวว่า ถ้าหากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจใด ๆ ที่ออกมาในอนาคต "บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ตัวเลขดังกล่าวก็จะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทอง แต่ถ้าหากมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด ตัวเลขดังกล่าวก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลลบต่อราคาทอง" ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูสถานการณ์ในภาคธนาคารสหรัฐและในเรื่องปัญหาเพดานหนี้สหรัฐด้วย ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลบวกต่อราคาทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.ตามความคาดหมาย แต่เฟดได้ปรับเปลี่ยนถ้อยคำที่ใช้ในแถลงการณ์นโยบายครั้งนี้ โดยเฟดได้ตัดทิ้งข้อความที่ระบุว่า เฟด "คาดการณ์ว่า" เฟดอาจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอนาคตออกจากแถลงการณ์ในครั้งนี้--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้