ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นสหรัฐปรับขึ้นหลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อชะลอตัว

นิวยอร์ค--30 ม.ค.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันศุกร์ หลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการภาคเอกชนที่ออกมาในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า อุปสงค์ชะลอตัวลงแต่เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังรอดูตัวเลขการจ้างงานเดือนม.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. และรอดูผลประกอบการของบริษัทสำคัญหลายแห่งที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงบริษัทแอปเปิล, อะเมซอนดอทคอท, แอลฟาเบท และเมตา แพลตฟอร์มส์

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.08% สู่ 33,978.08, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.25% สู่ 4,070.56 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 0.95% สู่ 11,621.71 โดยดัชนี Nasdaq สามารถปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นมาแล้ว 2.5% จากช่วงต้นปีนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้ว 6% จากช่วงต้นปีนี้ และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นมาแล้ว 11% จากช่วงต้นปีนี้

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้ ปรับขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. และปรับขึ้น 5.0% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 หลังจากพุ่งขึ้น 5.5% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านดัชนี PCE พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. และปรับขึ้น 4.4% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2021 หลังจากพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ซึ่งเท่ากับว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของเฟดในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบในแบบที่เฟดต้องการ

  • บริษัท 143 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 67.8% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 66% แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาที่ 76% ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 2.9% ในไตรมาส 4/2022 เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เคยคาดการณ์ในช่วงต้นปีนี้ว่า ผลกำไรอาจปรับลดลงเพียง 1.6% ในไตรมาส 4/2022

  • ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันศุกร์ แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2% และถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันศุกร์--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้