ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปรับขึ้นแต่ S&P,Nasdaq ปรับลง

นิวยอร์ค--25 ม.ค.--รอยเตอร์

  • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากบริษัทสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ไร้ทิศทางชัดเจน และหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์คเผชิญกับปัญหาทางเทคนิคในช่วงเปิดตลาดวันอังคาร ซึ่งส่งผลให้มีการระงับการซื้อขายหุ้นหลายตัวในช่วงแรก โดยมีหุ้นกว่า 80 ตัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุขัดข้องในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นวอลมาร์ทและหุ้นไนกี้ โดยเหตุขัดข้องนี้ส่งผลให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ต้องเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้ด้วย ทางด้านหุ้นอินเตอร์คอนติเนนตัล เอ็กซ์เชนจ์ (ICE) ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดหุ้นนิวยอร์คดิ่งลง 2.2% ในวันอังคาร ทั้งนี้ บริษัท 72 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 65% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 66% ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 2.9% ในไตรมาส 4/2022 เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เคยคาดการณ์ในช่วงต้นปีนี้ว่า ผลกำไรอาจปรับลดลงเพียง 1.6% ในไตรมาส 4/2022

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.31% สู่ 33,733.96, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.07% สู่ 4,016.95 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.27% สู่ 11,334.27 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันอังคาร ส่วนหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด

  • นายทิม กริสคีย์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทอิงกัลส์ แอนด์ สไนเดอร์กล่าวว่า "ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพิจารณารายงานผลกำไรภาคเอกชนในสหรัฐ เพื่อดูว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีสถานะเป็นอย่างไร หลังจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจากปัญหาต่าง ๆ" และเขากล่าวเสริมว่า "ตอนนี้เรากำลังจะไปถึงจุดที่เฟดจะมองว่า การต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อมีความก้าวหน้ามากพอแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นแสดงปฏิกิริยาในทางบวกในช่วงที่ผ่านมา"

  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในวันอังคารแสดงให้เห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมาส่งผลลบต่ออุปสงค์ในสหรัฐ โดยบริษัทเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานในวันอังคารว่า ดัชนีผลผลิตโดยรวมของสหรัฐปรับขึ้นจาก 45.0 ในเดือนธ.ค. สู่ 46.6 ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน แต่ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐหดตัวลง และตัวเลขล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางธุรกิจหดตัวลงในเดือนม.ค.เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ทางด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับขึ้นจาก 46.2 ในเดือนธ.ค. สู่ 46.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 46.0 ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 44.7 ในเดือนธ.ค. สู่ 46.6 ในเดือนม.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 45.0 โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐชะลอการหดตัวพร้อมกันในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้นับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022 เป็นต้นมา

  • หุ้นแอลฟาเบทดิ่งลง 2.1% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องร้องกูเกิลในข้อหาใช้อำนาจครอบงำธุรกิจโฆษณาดิจิทัลในทางที่ผิด ส่วนหุ้น 3M ดิ่งลง 6.2% หลังจาก 3M คาดการณ์แนวโน้มที่อ่อนแอ โดยเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริค (GE) พุ่งขึ้น 1.2% ถึงแม้ GE คาดการณ์แนวโน้มที่อ่อนแอ โดยเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยผลประกอบการออกมาหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันอังคาร โดยระบุว่ารายได้ของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้น 2% สู่ 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค. 2022 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 5.294 หมื่นล้านดอลลาร์เพียงเล็กน้อย--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้