ReutersReuters

USA:สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภคพุ่งขึ้นในต.ค.แต่เงินเฟ้อชะลอตัว

วอชิงตัน--2 ธ.ค.--รอยเตอร์

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งครองสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับที่ตรงตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ หลังจากปรับขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. ส่วนปริมาณการจับจ่ายใช้สอยที่ปรับตามภาวะเงินเฟ้อปรับขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ระบุอีกด้วยว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นิยมใช้ ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. และดัชนี PCE แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 6.0% ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2021 หลังจากปรับขึ้น 6.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านดัชนี PCE พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. และดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับขึ้น 5.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี

  • นายคริสโตเฟอร์ รัปคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท FWDBONDS กล่าวว่า "ภาคการบริโภคอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง และในตอนนี้ถึงแม้ว่าผู้บริโภคไม่ได้ซื้อสิ่งใดเพิ่มเติมในเดือนพ.ย.และในเดือนธ.ค. ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยที่แท้จริงของผู้บริโภคก็อยู่สูงกว่าปกติเป็นอย่างมาก และไม่ได้บ่งชี้แต่อย่างใดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย" โดยในตอนนี้มีการคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเติบโต 2.8% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 2.9% ในไตรมาสสาม ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดซื้อยานยนต์, เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนการใช้จ่ายในภาคบริการปรับขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในร้านอาหารและบาร์, การใช้จ่ายในด้านที่อยู่อาศัย และในด้านสาธารณูปโภค

  • การจับจ่ายใช้สอยในเดือนต.ค.ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงค่าแรงที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง, การคืนเงินภาษีในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งส่งผลให้บางครัวเรือนได้รับเช็คขนาด 1,050 ดอลลาร์ และการปรับค่าครองชีพสำหรับผู้ได้รับแสตมป์แลกอาหาร ทั้งนี้ รายได้ส่วนบุคคลในสหรัฐพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 ปี ส่วนรายได้หลังปรับตามภาวะเงินเฟ้อปรับขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคได้นำเงินออมออกมาใช้ในการซื้อสินค้าและบริการในเดือนต.ค.ด้วย และส่งผลให้อัตราการออมเงินร่วงลงจาก 2.4% ในเดือนก.ย. สู่ 2.3% ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นอัตราการออมเงินที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2005

  • นักเศรษฐศาสตร์บางรายตั้งข้อสงสัยว่า ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยจะเติบโตในอัตราแบบนี้ได้ต่อไปอีกนานหรือไม่ ในขณะที่อัตราการออมเงินร่วงลง อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์รายอื่น ๆ มองว่า อัตราการออมเงินเพียงแค่ปรับเข้าสู่ระดับปกติในช่วงนี้ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ค่าใช้จ่ายทางการก่อสร้างในสหรัฐดิ่งลง 0.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. ส่วนค่าใช้จ่ายทางการก่อสร้างแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 9.2% ในเดือนต.ค.

  • นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ ทางด้านกระทรวงแรงงานรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 16,000 ราย สู่ 225,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ย. ทั้งนี้ บริษัทแชลเลนเจอร์, เกรย์ แอนด์ คริสต์มาสรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดการประกาศปลดพนักงานออกในบริษัทสหรัฐพุ่งขึ้น 127% สู่ 76,835 คนในเดือนพ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการปลดพนักงานออกในภาคเทคโนโลยี--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้