ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นสหรัฐร่วงลงขณะตลาดวิตกโควิดระบาดในจีน

นิวยอร์ค--22 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า จีนอาจจะดำเนินมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดอีกครั้ง หลังจากเทศบาลกรุงปักกิ่งของจีนประกาศเตือนในวันจันทร์ว่า กรุงปักกิ่งกำลังเผชิญกับการทดสอบครั้งร้ายแรงที่สุดสำหรับการระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีการสั่งปิดธุรกิจและโรงเรียนในบางเขตของกรุงปักกิ่ง และมีการเพิ่มความเข้มงวดในกฎระเบียบสำหรับการเดินทางเข้าเมือง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อปรับสูงขึ้นทั้งในกรุงปักกิ่งและทั่วประเทศจีน ทางด้านนักลงทุนคาดว่า รัฐบาลจีนอาจจะไม่ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ หุ้นบริษัทคาสิโนของสหรัฐที่มีธุรกิจในจีนดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยหุ้นบริษัทวินน์ รีสอร์ทส์, ลาส เวกัส แซนด์ส, เอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทส์ อินเตอร์เนชั่นแนล และเมลโค รีสอร์ทส์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต่างก็ดิ่งลงอย่างน้อย 2% ในวันจันทร์

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.13% สู่ 33,700.28, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.39% สู่ 3,949.94 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.09% สู่ 11,024.51 ทั้งนี้ วอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับเบาบางในวันจันทร์ โดยอยู่ที่ 9.43 พันล้านหุ้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วง 20 วันทำการที่ผ่านมาที่ระดับ 1.188 หมื่นล้านหุ้นต่อวัน โดยวอลุ่มการซื้อขายมีแนวโน้มที่จะลดลงจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. ซึ่งถือเป็นวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้

  • ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้างในช่วงบ่าย หลังจากนางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างเลวร้าย ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์แสดงความเห็นสอดคล้องกับนางดาลี โดยนางเมสเตอร์กล่าวว่า เธอสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่เล็กลงในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 13-14 ธ.ค. และเทรดเดอร์คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในเดือนมิ.ย. 2023

  • ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐดิ่งลงเกือบ 3% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ และรูดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 5% ในช่วงแรก หลังจากมีข่าวว่าซาอุดิอาระเบียกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำลังหารือกันเรื่องการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มน้ำมันลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้าง หลังจากซาอุดิอาระเบียปฏิเสธข่าวนี้ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นมาแล้วราว 63% จากช่วงต้นปีนี้ และถือเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่เพียงกลุ่มเดียวในตลาดหุ้นสหรัฐที่มีแนวโน้มปิดตลาดในแดนบวกในปีนี้

  • หุ้นวอลท์ ดิสนีย์พุ่งขึ้น 6.30% หลังจากนายบ็อบ ไอเกอร์กลับมาดำรงตำแหน่งซีอีโอของวอลท์ ดิสนีย์ ทั้งนี้ หุ้นเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 6.84% หลังจากเทสลาประกาศว่า เทสลาจะเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐเพราะมีปัญหาไฟท้ายไม่ทำงานในบางครั้ง--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้