ReutersReuters

คาดราคาทองอาจชะลอการพุ่งขึ้นถ้านักลงทุนสถาบันไม่ช่วยหนุน

ลอนดอน--18 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ราคาทองเคยดิ่งลงเป็นเวลานานหลายเดือนในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่จะพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในตอนนี้ และยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ ราคาทองได้พุ่งขึ้นจากระดับ 1,615.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 3 พ.ย. สู่ 1,786.35 ดอลลาร์ในวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน หลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้ออาจผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้วในเดือนต.ค. และเฟดอาจจะไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่สูงมากนักเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ

  • นักลงทุนคาดว่า เฟดอาจจะยุติการคุมเข้มนโยบายการเงินในเวลาที่เร็วกว่าที่เคยคาดไว้ และการคาดการณ์ดังกล่าวก็ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.72 ในช่วงท้ายวานนี้ โดยดิ่งลงจาก 112.97 ในวันที่ 3 พ.ย. และการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ส่งผลให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ 3.773% ในช่วงท้ายวานนี้ โดยดิ่งลงจาก 4.214% ในวันที่ 7 พ.ย. โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย ทั้งนี้ ถึงแม้ราคาทองพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. ราคาทองก็ยังคงดิ่งลงมาแล้ว 15% จากจุดสูงสุดของเดือนมี.ค.ที่ 2,069.89 ดอลลาร์ และราคาทองยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับสำคัญทางเทคนิคในช่วงนี้ด้วย โดยราคาทองอยู่ที่ 1,760 ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี

  • นายโอเล แฮนเสน นักวิเคราะห์ของธนาคารแซกโซกล่าวว่า ระดับสำคัญในตอนนี้อยู่ที่ 1,790 ดอลลาร์ และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากราคาทองสามารถพุ่งขึ้นเหนือระดับดังกล่าว และถ้าหากราคาทองสามารถทะยานขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ 1,805 ดอลลาร์ นั่นก็จะเป็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง" ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันยังคงใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในตอนนี้ โดยสภาทองคำโลก (WGC) รายงานว่า กองทุน ETF ที่เก็บรักษาทองให้กับนักลงทุนทางการเงินขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้ขายทองออกมาราว 20 ตันในเดือนนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลจากตลาด COMEX ก็แสดงให้เห็นว่า นักเก็งกำไรกำลังคาดการณ์ว่า ราคาสัญญาทองล่วงหน้าในสหรัฐจะปรับลดลงในอนาคต ถึงแม้ว่านักเก็งกำไรปรับลดการถือครองสถานะขายทองลงในช่วงที่ผ่านมา

  • นายรอส นอร์แมน นักวิเคราะห์อิสระกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาทองในช่วงนี้น่าจะเกิดจากคำสั่งซื้อชดเชยการทำชอร์ตเซล แทนที่จะเกิดจากการคาดการณ์ที่ว่า ราคาทองจะทะยานสูงขึ้น ซึ่งถ้าหากสมมุติฐานของเขาตรงกับความเป็นจริง คำสั่งซื้อทองดังกล่าวก็อาจจะจางหายไปในอนาคต ทั้งนี้ WGC ระบุว่า ธนาคารกลาง, ผู้บริโภคในเอเชีย และผู้ซื้อทองแท่งและเหรียญทองรายย่อย ได้เข้าซื้อทองในปริมาณมากในปีนี้ โดยธนาคารกลางเข้าซื้อทองมากเป็นประวัติการณ์ราว 399 ตันในไตรมาสสาม ซึ่งคิดเป็นมูลค่าได้ราว 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์, การซื้อทองเพื่อใช้ในการทำเครื่องประดับอยู่ที่ 581.7 ตันในไตรมาสสาม โดยพุ่งขึ้น 13% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว และการลงทุนในเหรียญทองและทองแท่งอยู่ที่ 351.1 ตันในไตรมาสสาม โดยทะยานขึ้น 36% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

  • อย่างไรก็ดี สถาบันการเงินมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในการทำให้ราคาทองเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไป และคำสั่งขายของสถาบันการเงินก็ถ่วงราคาทองให้ดิ่งลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายจานเคลาดิโอ ตอร์ลิซซี หุ้นส่วนของบริษัทที-คอมมอดิตีกล่าวว่า ถ้าหากยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า อัตราเงินเฟ้อได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ดอลลาร์ก็อาจจะพุ่งขึ้นได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาทอง และเขากล่าวเสริมว่า "ราคาทองน่าจะปรับสูงขึ้นในระยะกลาง แต่ผมจะออกไปรอดูท่าทีอยู่นอกตลาดในตอนนี้"--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้