ReutersReuters

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดเกือบ 3 เดือน

นิวยอร์ค--14 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 15.94 ดอลลาร์ สู่ 1,770.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1,772.67 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยราคาทองปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 5.38% จากสัปดาห์ที่แล้ว และถือเป็นการทะยานขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่งด้วย โดยราคาทองได้รับแรงหนุน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง และตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.6% สำหรับเดือนต.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 7.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +8.0% สำหรับเดือนต.ค. หลังจากดัชนี CPI ทั่วไปพุ่งขึ้น 8.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี

  • ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดปรับขึ้น 0.9% สู่ 1,769.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดขยับขึ้น 0.016 ดอลลาร์ สู่ 21.681 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดปรับลง 3.50 ดอลลาร์ สู่ 1,028.58 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 74.65 ดอลลาร์ หรือ 3.80% สู่ 2,039.15 ดอลลาร์/ออนซ์

  • นายบ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทอาร์เจโอ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า ราคาทองยังคงได้รับแรงหนุนในวันศุกร์จากดัชนี CPI ของสหรัฐที่ออกมาในวันพฤหัสบดี, จากการดิ่งลงของดอลลาร์สหรัฐ และจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในเดือนธ.ค. แทนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ทั้งนี้ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินคาดส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.42 ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยรูดลงจาก 108.10 ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และดัชนีดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วราว 3.8% ในช่วงวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงช่วงสองวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2009 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 13 ปี โดยการดิ่งลงของดอลลาร์ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

  • นักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวพุ่งขึ้นจากระดับราว 52% ที่เคยคาดไว้ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI และนักลงทุนก็คาดว่ามีโอกาสเพียง 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

  • นายจิม วิคคอฟ นักวิเคราะห์ของบริษัทคิทโค เมทัลส์กล่าวว่า "ราคาโลหะมีค่าพุ่งขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ในขณะที่ปัจจัยทางเทคนิคหันมาส่งสัญญาณในทางบวกในระยะใกล้ และดัชนีดอลลาร์สหรัฐกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็ร่วงลงด้วย" ทั้งนี้ ราคาทองเคลื่อนตัวอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 100 วันในช่วงนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณในทางบวก โดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันอยู่ที่ 1,675 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันอยู่ที่ 1,714 ดอลลาร์ในวันศุกร์--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้