ReutersReuters

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบปรับขึ้นขณะดอลล์ร่วงลง

นิวยอร์ค--26 ต.ค.--รอยเตอร์

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันอังคาร หลังจากดิ่งลงกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงแรก โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของรัฐมนตรีพลังงานซาอุดิอาระเบียที่ตอกย้ำถึงความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมัน ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 110.94 ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยรูดลงจาก 111.86 ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 110.75 ในระหว่างวัน โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

  • ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 74 เซนต์ หรือ 0.87% มาปิดตลาดที่ 85.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 26 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 93.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ต.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นราว 4.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐดิ่งลงราว 2.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate สหรัฐปรับขึ้นราว 600,000 บาร์เรล

  • ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในวันอังคาร ในขณะที่เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า มีการใช้สต็อกพลังงานในคลังเป็นเครื่องมือในการปั่นตลาดในช่วงนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องระบุอย่างชัดเจนว่า การสูญเสียสต็อกสำรองฉุกเฉินอาจจะสร้างความยากลำบากในช่วงหลายเดือนข้างหน้า" ทั้งนี้ นายฟาทีห์ บิรอล ผู้อำนวยการองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า ตลาดก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตึงตัวขึ้นทั่วโลก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ปรับลดการผลิตน้ำมันลง และปัจจัยเหล่านี้ก็ส่งผลให้เกิด "วิกฤติพลังงานทั่วโลกอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก" ทางด้านนายฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์ของบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ปกล่าวว่า ถ้อยแถลงของรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบียและผู้อำนวยการ IEA ช่วยย้ำเตือนว่า วิกฤติพลังงานจะยังคงดำเนินต่อไปอีกนาน และ "ยังคงมีความกังวลกันว่า อุปทานน้ำมันในตลาดอยู่ในระดับต่ำเกินไป"

  • ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นได้ไม่มากนักในวันอังคาร ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐอยู่ในภาวะไม่แน่นอน และทั้งสองประเทศนี้ถือเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยศุลกากรจีนเพิ่งรายงานในวันจันทร์ว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบในจีนอยู่ที่ 9.79 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับในเดือนส.ค. แต่ลดลง 2% จากเดือนก.ย.ปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานในวันจันทร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับผลผลิตโดยรวมของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ดิ่งลงจาก 49.5 ในเดือนก.ย. สู่ 47.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2020 นอกจากนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนี PMI โดยรวมของยูโรโซนดิ่งลงจาก 48.1 ในเดือนก.ย. สู่ 47.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนหดตัวลงในเดือนต.ค.ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ในขณะที่วิกฤติค่าครองชีพส่งผลลบต่ออุปสงค์

  • นายเดวิด โซโลมอน ซีอีโอโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสูงกว่าระดับ 4.5-4.75% ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจริงๆ และเขากล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และเศรษฐกิจยุโรปอาจจะอยู่ในภาวะถดถอยแล้วในตอนนี้--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้