ReutersReuters

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองพุ่งขึ้น 2.4% ขณะดอลล์,บอนด์ยิลด์ร่วงลง

นิวยอร์ค--4 ต.ค.--รอยเตอร์

  • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 39.55 ดอลลาร์ หรือ 2.38% สู่ 1,699.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และจากการดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ การที่ราคาทองดิ่งลงสู่ระดับต่ำในช่วงที่ผ่านมาก็ช่วยดึงดูดคำสั่งซื้อให้เข้ามาในตลาดด้วย ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 111.56 ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยร่วงลงจาก 112.17 ในช่วงท้ายวันศุกร์ และเทียบกับระดับ 114.78 ที่ทำไว้ในวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2002 หรือจุดสูงสุดรอบ 20 ปี โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 3.804% ในช่วงท้ายวันศุกร์ สู่ 3.651% ในช่วงท้ายวันจันทร์ และได้รูดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 3.568% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ด้วย โดยการดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ส่งผลบวกต่อราคาทอง เนื่องจากทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย

  • ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.8% สู่ 1,702 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดทะยานขึ้น 1.755 ดอลลาร์ หรือ 9.24% สู่ 20.755 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 43.49 ดอลลาร์ หรือ 5.06% สู่ 902.49 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดทะยานขึ้น 62.62 ดอลลาร์ หรือ 2.90% สู่ 2,220.62 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาทองมีส่วนช่วยหนุนราคาโลหะเงินให้ทะยานขึ้นในวันจันทร์ในอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2008

  • นายไมเคิล มาทูเซค หัวหน้าเทรดเดอร์ของบริษัทยู.เอส. โกลบัล อินเวสเตอร์สกล่าวว่า มีแรงเทขายทองออกมามากเกินไปในเดือนก.ย. และขณะนี้นักลงทุนก็มองหาโอกาสทางการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนระยะสั้นในโลหะมีค่า โดยนักลงทุนกลุ่มนี้จะเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาร่วงลง และจะขายออกมาเมื่อราคาพุ่งขึ้น ทั้งนี้ นายมาทูเซคกล่าวเสริมว่า ราคาทองได้แรงหนุนเข้ามาในช่วงนี้ เนื่องจากราคาทองไม่ได้ดิ่งลงอย่างรุนแรงเท่ากับตลาดสินทรัพย์อื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา และนักลงทุนบางรายก็คาดการณ์ในช่วงนี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทอง

  • ราคาทองเริ่มฟื้นตัวขึ้นนับตั้งแต่ดิ่งลงแตะ 1,613.60 ดอลลาร์ในวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงนี้ ทั้งนี้ ราคาทองได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในวันจันทร์ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานในวันจันทร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงจาก 52.8 ในเดือนส.ค. สู่ 50.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐเติบโตในอัตราที่เชื่องช้าที่สุดในรอบเกือบ 2 ปีครึ่ง ในขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่หดตัวลง โดยการหดตัวดังกล่าวอาจจะมีสาเหตุมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงที่ผ่านมา

  • นายจิม วิคคอฟ นักวิเคราะห์ของบริษัทคิทโค เมทัลส์กล่าวว่า "ราคาทองจำเป็นจะต้องปิดตลาดเหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์ ถึงจะสามารถกระตุ้นให้มีการคาดการณ์ในทางบวกต่อแนวโน้มราคาทองได้มากยิ่งขึ้น แต่การปิดตลาดเหนือระดับดังกล่าวก็จะยังไม่ได้ทำให้ปัจจัยทางเทคนิคเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยปัจจัยทางเทคนิคยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มในทางลบอยู่"--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้