ReutersReuters

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบดิ่งลง 4% หลังสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น

ฮุสตัน--4 ส.ค.--รอยเตอร์

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลง 4% ในวันพุธ และรูดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ประกาศว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการผลิตน้ำมันขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. หรือคิดเป็นสัดส่วนได้ราว 0.1% ของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้ สหรัฐเคยขอให้กลุ่มโอเปกพลัสปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน แต่กำลังการผลิตน้ำมันส่วนเกินเหลืออยู่เพียงในวงจำกัด และซาอุดิอาระเบียอาจไม่ต้องการที่จะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากรัสเซีย ในขณะที่ชาติตะวันตกดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในตอนนี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้ด้วย เพราะการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

  • ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.รูดลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4% มาปิดตลาดที่ 90.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. โดยราคาน้ำมันได้รูดลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 90.38 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.ด้วย ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 3.7% มาปิดตลาดที่ 96.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. ทั้งนี้ ค่าพรีเมียมของราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนใกล้เมื่อเทียบกับราคาสัญญาสำหรับการส่งมอบในอีก 6 เดือนข้างหน้าดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 เดือน และสิ่งนี้บ่งชี้ว่านักลงทุนได้ลดความกังวลเรื่องภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวลงแล้ว ส่วนค่าพรีเมียมแบบเดียวกันของราคาสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 4 เดือน

  • EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล สู่ 426.6 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ค. ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 600,000 บาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดส่งออกน้ำมันลดลง และโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐปรับลดอัตราการกลั่นน้ำมันลง 1.2% สู่ 91.0% ทางด้านสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล สู่ 225.3 ล้านบาร์เรล ถึงแม้นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินอาจดิ่งลง 1.6 ล้านบาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันเบนซินได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ นายบ็อบ ยอว์เกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสัญญาล่วงหน้าพลังงานของบริษัทมิสุโฮกล่าวว่า "ตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวัง เพราะสต็อกน้ำมันเบนซินไม่ควรจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน ดังนั้นรายงานตัวเลขนี้จึงส่งผลลบเป็นอย่างมากต่อราคาน้ำมัน"

  • ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่อิหร่านและสหรัฐกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศจะเดินทางไปยังกรุงเวียนนาเพื่อเริ่มต้นการเจรจาในทางอ้อมเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยการเจรจาดังกล่าวอาจจะส่งผลให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ทั้งนี้ ในส่วนของอุปสงค์น้ำมันนั้น เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความมุ่งมั่นอีกครั้งในวันพุธในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง ถึงแม้นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.อาจจะเป็นสิ่งที่มากพอที่จะช่วยให้เฟดเดินหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าว

  • ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากข่าวที่ว่า บริษัทแคสเปียน ไพพ์ไลน์ คอนซอร์เทียม (CPC) ซึ่งเป็นบริษัทท่อส่งน้ำมันที่เชื่อมแหล่งน้ำมันในคาซัคสถานเข้ากับเมืองโนโวรอสซิสค์ ซึ่งเป็นเมืองท่าริมทะเลดำของรัสเซีย แถลงว่าปริมาณการจัดส่งน้ำมันปรับลดลงเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้