FED:ชี้"ไบเดน"ต้องพึ่งพาปธ.เฟดจากพรรครีพับลิกันในการคุมเงินเฟ้อสหรัฐ
วอชิงตัน--26 ก.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ในช่วงที่สหรัฐกำลังจะจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสช่วงกลางสมัยในเดือนพ.ย.ปีนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐก็กำลังพึ่งพาความช่วยเหลือจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นอย่างมากในการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลมากที่สุดให้กับประชาชนสหรัฐในปัจจุบัน ถึงแม้ว่านายพาวเวลล์เป็นสมาชิกสายกลางในพรรครีพับลิกัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปธน.ไบเดนกับนายพาวเวลล์ในปัจจุบันถือเป็นความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ เพราะว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันมีความขัดแย้งกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในสภาคองเกรสและในประเด็นเรื่องผู้พิพากษา และมีแนวโน้มว่าความสัมพันธ์ระหว่างปธน.ไบเดนกับนายพาวเวลล์จะเผชิญกับบททดสอบในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคาดว่า ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสช่วงกลางสมัยในวันที่ 8 พ.ย. จะถือเป็นการลงประชามติต่อประเด็นที่ว่า ประชาชนพึงพอใจกับการทำงานของปธน.ไบเดนในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อหรือไม่ ถึงแม้ว่านายพาวเวลล์เป็นผู้ที่มีเครื่องมือในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อมากกว่ารัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้ มาตรการของเฟดในการควบคุมภาวะเงินเฟ้ออาจจะส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง และอาจจะส่งผลให้ชาวสหรัฐตกงาน โดยมีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.25-2.50% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงกว่า 9% ซึ่งเป็นระดับที่ส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัย, ต่อการลงทุน และต่อการจ้างงาน ในขณะที่โพลล์ของรอยเตอร์/อิปซอสระบุว่า คะแนนนิยมในตัวปธน.ไบเดนดิ่งลงสู่สถิติต่ำสุดที่ 36% ในช่วงนี้ โดยมีชาวสหรัฐจำนวนมากที่แสดงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ
นางซาราห์ บินเดอร์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันกล่าวว่า "ปธน.โจ ไบเดนและนายเจย์ พาวเวลล์ต่างก็เข้าใจดีว่า พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะเฟดจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทำเนียบขาวในการตัดสินใจกำหนดนโยบายในแบบที่อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย" ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญสำหรับนายพาวเวลล์ในขณะนี้คือประเด็นที่ว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพียงใดเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และเฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไปหรือไม่ ถึงแม้ว่าการทำเช่นนั้นอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ทางด้านปธน.ไบเดนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอดูผลการทำงานของเฟดต่อไปในช่วงนี้ หลังจากที่เขาได้เสนอชื่อนายพาวเวลล์ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีกสมัยในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นายแกรี ริชาร์ดสัน อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตร่วมมือกับประธานเฟดจากพรรครีพับลิกันแบบนี้จะช่วยปกป้องเฟดจากแรงกดดันทางการเมือง อย่างไรก็ดี ภาวะเงินเฟ้อ "มีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาเป็นอย่างมากให้กับนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในช่วงเวลานั้น โดยเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาโดยตลอดในช่วงเวลากว่า 100 ปีที่ผ่านมา และก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นกันในเดือนพ.ย.ปีนี้" ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การที่ปธน.ไบเดนเลือกนายพาวเวลล์ให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัยเป็นเพราะเขาชื่นชอบประสบการณ์และการทำงานของนายพาวเวลล์ และเป็นเพราะปธน.ไบเดนเชื่อว่า เฟดจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน นอกจากนี้ การเลือกนายพาวเวลล์ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีกสมัยก็จะส่งผลให้ปธน.ไบเดนมีแพะรับบาป ถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ขึ้นในอนาคตด้วย อย่างไรก็ดี นายพาวเวลล์แทบไม่ได้แสดงความเห็นในแบบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมืองเลยในระหว่างการทำงานในเฟดในช่วงที่ผ่านมา
ปธน.ไบเดนเคยกล่าวก่อนการประชุมส่วนตัวกับนายพาวเวลล์ในเดือนพ.ค.ว่า "แผนการของผมคือการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ และสิ่งนี้เริ่มต้นด้วยข้อเสนอที่เรียบง่าย ซึ่งก็คือการเคารพเฟดและเคารพความเป็นอิสระของเฟด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมได้ทำในช่วงที่ผ่านมา และเป็นสิ่งที่ผมจะยังคงทำต่อไป" ทางด้านนางบินเดอร์ได้แสดงความเห็นต่อถ้อยแถลงนี้ว่า "ดิฉันคิดว่านั่นคือการหลีกเลี่ยงความผิด ถ้อยแถลงนี้คือการโยนความผิดไปให้เฟด และเป็นการบอกกับเฟดว่า นี่เป็นหน้าที่ของคุณ" ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน โดยรัฐบาลสหรัฐได้ดำเนินมาตรการสะสางปัญหาการคั่งค้างที่ท่าเรือ, ปรับลดค่าขนส่งสินค้าทางทะเล และกดดันราคาน้ำมันเบนซินให้ร่วงลง โดยผ่านทางการปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ โดยมาตรการเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง เพื่อที่เฟดจะได้ไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;