ReutersReuters

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบพุ่งขึ้น 2.1% ขณะดอลล์อ่อนค่า

ฮุสตัน--26 ก.ค.--รอยเตอร์

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลด้านอุปทานน้ำมัน, จากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนบางรายกังวลว่า ความต้องการใช้เชื้อเพลิงอาจร่วงลง ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวมากเกินไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณในช่วงที่ผ่านมาว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.43 ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยขยับลงจาก 106.56 ในช่วงท้ายวันศุกร์ และเทียบกับระดับ 109.29 ที่ทำไว้ในวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2002 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี

  • ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ทะยานขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 2.1% มาปิดตลาดที่ 96.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.95 ดอลลาร์ หรือ 1.9% มาปิดตลาดที่ 105.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันเดือนใกล้อยู่ในระดับที่สูงกว่าราคาสัญญาเดือนถัดไปเป็นอย่างมากในช่วงนี้ และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัวในระยะใกล้ โดยค่าสเปรด (ส่วนต่าง) ระหว่างราคาสัญญาน้ำมันเดือนใกล้กับเดือนถัดไปปิดตลาดวันศุกร์ที่ 4.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ถ้าหากไม่นับช่วงที่ค่าสเปรดพุ่งขึ้นเพราะสัญญาครบกำหนดส่งมอบในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

  • ราคาน้ำมันแกว่งตัวผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลลบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และต่ออุปสงค์เชื้อเพลิง แต่ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนในเวลาเดียวกันจากภาวะอุปทานตึงตัวหลังจากเกิดสงครามยูเครน ทั้งนี้ นางเอลวิรา นาบิวลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียกล่าวในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียจะไม่ส่งออกน้ำมันดิบให้แก่ประเทศที่ตัดสินใจใช้เพดานราคากับน้ำมันรัสเซีย และรัสเซียจะส่งออกน้ำมันดิบให้แก่ประเทศอื่น ๆ ที่พร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัสเซีย ทางด้านนายวอร์เรน แพทเทอร์สัน หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัท ING กล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจาก "การคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันจากรัสเซียจะปรับลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ในขณะที่แผนกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในแบบที่ตรงกันข้ามกับที่คาดหวังไว้"

  • บริษัทเนชันแนล ออยล์ คอร์ปอเรชัน (NOC) ของลิเบียประกาศว่า ทางบริษัทตั้งเป้าที่จะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบขึ้นสู่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า จากระดับราว 860,000 บาร์เรลต่อวันในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียจะยังคงแกว่งตัวผันผวนต่อไป หลังจากกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในลิเบียปะทะกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และสถานการณ์ในลิเบียอยู่ในภาวะตึงเครียด

  • สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า อียูจะอนุญาตให้บริษัทของรัฐบาลรัสเซียส่งออกน้ำมันไปยังประเทศนอกอียูได้ หลังจากอียูปรับแก้มาตรการคว่ำบาตรตามที่ได้ตกลงกันไว้กับประเทศสมาชิกอียูในสัปดาห์ที่แล้ว โดยการปรับแก้ดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงที่มีต่อความมั่นคงด้านพลังงานในระดับโลก ทั้งนี้ บริษัทก๊าซพรอมของรัสเซียแถลงว่า ปริมาณการจัดส่งก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่งนอร์ด สตรีม 1 จากรัสเซียสู่เยอรมนีจะดิ่งลงสู่ 33 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือราว 20% ของกำลังการจัดส่ง ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ของวันพุธนี้ตามเวลาไทยเป็นต้นไป ทางด้านนักลงทุนคาดว่า การปรับลดการจัดส่งก๊าซนี้จะส่งผลให้มีการใช้น้ำมันดิบแทนก๊าซธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้จะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้