ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์,S&P ปรับขึ้นแต่ Nasdaq ร่วงลง

นิวยอร์ค--26 ก.ค.--รอยเตอร์

  • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ก่อนจะปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และนักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งในกลุ่มเติบโต ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า เฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันพุธนี้ ซึ่งเท่ากับว่าเฟดได้ยุติการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยทำมาในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาด นอกจากนี้ นักลงทุนก็จะมุ่งความสนใจไปยังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในช่วงหลังการประชุมด้วย เนื่องจากนักลงทุนบางรายกังวลว่า ถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป เศรษฐกิจสหรัฐก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.28% สู่ 31,990.04, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.13% สู่ 3,966.84 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.43% สู่ 11,782.67 ในวันจันทร์ หลังจากดัชนี Nasdaq เพิ่งปิดตลาดสัปดาห์ที่แล้วด้วยการพุ่งขึ้น 3.3% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มใหญ่ที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันจันทร์ แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน

  • นักลงทุนบางรายตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดหุ้นทรงตัวในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอดูผลการประชุมเฟดและปัจจัยอื่น ๆ โดยสัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่บริษัทสหรัฐจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมามากที่สุด โดยบริษัทราว 170 แห่งในดัชนี S&P 500 จะรายงานผลประกอบการออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแอลฟาเบท, ไมโครซอฟท์ และโคคา โคล่าที่จะรายงานผลประกอบการออกมาในวันที่ 26 ก.ค. และบริษัทแอปเปิลกับอะเมซอนที่จะรายงานผลประกอบการออกมาในวันที่ 28 ก.ค. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 6.1% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี โดยปรับขึ้นจากระดับ +5.6% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. โดยขณะนี้มีบริษัท 107 แห่งในดัชนี S&P 500 ที่รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 74.8% ในกลุ่มนี้รายงานผลกำไรที่สูงเกินคาด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 81% สำหรับช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 66% หากนับตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา

  • บริษัทวอลมาร์ทซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่รายงานหลังจากตลาดหุ้นปิดทำการในวันจันทร์ว่า วอลมาร์ทปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปี โดยเป็นผลจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและเชื้อเพลิง และข่าวนี้ก็ส่งผลให้หุ้นวอลมาร์ทดิ่งลงกว่า 8% ในช่วงหลังจากตลาดปิดการ ทั้งนี้ หุ้นนิวมอนท์ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ดิ่งลง 13.2% ในวันจันทร์ หลังจากนิวมอนท์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ต้นทุนประจำปี และรายงานผลกำไรไตรมาสสองที่ต่ำเกินคาด โดยเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อและการดิ่งลงของราคาทอง

  • นักลงทุนรอดูตัวเลขภาคที่อยู่อาศัย 2 ตัวในวันอังคาร ซึ่งได้แก่ดัชนีเอสแอนด์พี เคส-ชิลเลอร์สำหรับราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐ และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐที่กระทรวงพาณิชย์จะรายงานออกมา หลังจากตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยที่ออกมาในช่วงนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลง--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้