ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบพุ่งขึ้น 1.9%,คาดซาอุฯยังไม่เพิ่มการผลิต
นิวยอร์ค--18 ก.ค.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐคนหนึ่งกล่าวต่อรอยเตอร์ว่า ซาอุดิอาระเบียยังไม่มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในทันที และนักลงทุนตั้งคำถามว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบขึ้นได้มากจริงหรือไม่ ในขณะที่กำลังการผลิตส่วนเกินของกลุ่มโอเปกอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้เดินทางมาถึงนครเจดดาห์ของซาอุดิอาระเบียในวันศุกร์ และมีการคาดการณ์กันว่าเขาจะเรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบียปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐคนหนึ่งกล่าวว่า สหรัฐไม่ได้คาดหวังว่าซาอุดิอาระเบียจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในทันที และสหรัฐกำลังรอดูผลการประชุมของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรในวันที่ 3 ส.ค.
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนส.ค.ทะยานขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 1.9% มาปิดตลาดที่ 97.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.1% มาปิดตลาดที่ 101.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 6.9% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการรูดลง 5.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยทั้งราคาน้ำมันดิบสหรัฐและเบรนท์ต่างก็ดิ่งลงในสัปดาห์นี้ในอัตราที่รุนแรงที่สุดในรอบราว 1 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้ บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับขึ้น 2 แท่น สู่ 599 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020
นายแอนดรูว์ ลิพาว ประธานบริษัทลิพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียอาจจะยังไม่ประกาศปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในทันที "แต่ผมคิดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของทั้งซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยเฉพาะในการประชุมกลุ่มโอเปก" โดยมีการคาดการณ์กันว่า กลุ่มโอเปกอาจจะให้สัญญาว่าจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะถือเป็นการส่งสัญญาณต่อตลาดว่า อุปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้นถ้าหากมีความจำเป็น ทั้งนี้ มีสัญญาณว่า ลิเบียอาจจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันด้วย หลังจากนายฟาร์ฮัท เบงดารา ประธานกรรมการคนใหม่ของบริษัทเนชั่นแนล ออยล์ คอร์ปอเรชัน (NOC) ของรัฐบาลลิเบียกล่าวว่า ลิเบียจะกลับมาผลิตน้ำมันดิบอย่างเต็มที่อีกครั้ง หลังจากเขาได้ประชุมกับกลุ่มต่าง ๆ ที่ปิดกั้นการผลิตน้ำมันในลิเบียในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์กันว่า ถ้าหากลิเบียยกเลิกภาวะเหตุสุดวิสัยต่อการผลิตน้ำมัน ปริมาณการผลิตน้ำมันของลิเบียก็อาจเพิ่มขึ้น 850,000 บาร์เรลต่อวัน
นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ราคาน้ำมันจะยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลกต่อไป โดยธนาคารคอมเมอร์ซแบงก์ระบุว่า "ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในสัปดาห์นี้ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็มีแนวโน้มที่จะร่วงลงต่อไป เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่มีแนวโน้มที่จะลดระดับลงในช่วงนี้"
นักลงทุนกังวลกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนด้วย เพราะการระบาดดังกล่าวเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน ทั้งนี้ ปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในโรงกลั่นของจีนดิ่งลงเกือบ 10% ในเดือนมิ.ย.ปีนี้เมื่อเทียบเดือนเดียวกันในปีก่อน โดยปริมาณการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในจีนอยู่ที่ 13.37 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. โดยดิ่งลงราว 10% จากสถิติสูงสุดที่ 14.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. 2021 ทางด้านปริมาณการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 332.22 ล้านตัน หรือ 13.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยลดลง 6% จากช่วงครึ่งแรกของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงแบบเทียบรายปีเป็นครั้งแรกสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นอย่างน้อย--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;