ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:ปัญหาในลิเบีย,นอร์เวย์หนุนน้ำมันพุ่งขึ้น 2.5%
นิวยอร์ค--4 ก.ค.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากปัญหาขัดข้องทางการผลิตในลิเบียและจากการคาดการณ์ที่ว่า จะมีการปิดการผลิตน้ำมันบางส่วนในนอร์เวย์ และปัจจัยบวกดังกล่าวก็ช่วยบดบังแรงกดดันที่ราคาน้ำมันได้รับจากการคาดการณ์ที่ว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลลบต่ออุปสงค์น้ำมัน ทั้งนี้ คนงานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของนอร์เวย์หลายคนวางแผนจะผละงานประท้วงในวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งอาจจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของนอร์เวย์ลดลงราว 8% หรือราว 320,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องค่าแรง
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนส.ค.ทะยานขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 2.5% มาปิดตลาดที่ 108.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 2.4% มาปิดตลาดที่ 111.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยวอลุ่มการซื้อขายน้ำมันดิบสหรัฐในวันศุกร์อยู่ที่ระดับราว 70% ของวันพฤหัสบดี ส่วนวอลุ่มการซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 77% ของวันพฤหัสบดี ในขณะที่ตลาดสหรัฐกำลังจะปิดทำการติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากวันจันทร์ที่ 4 ก.ค.ตรงกับวันชาติสหรัฐ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบสหรัฐก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ปรับขึ้น 0.8% แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ดิ่งลง 1.3% โดยทั้งราคาน้ำมันดิบสหรัฐและเบรนท์ต่างก็เพิ่งปิดตลาดเดือนมิ.ย.ในแดนลบ ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายเดือนในแดนลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2021
บริษัทเนชั่นแนล ออยล์ คอร์ปอเรชัน (NOC) ของลิเบียประกาศภาวะเหตุสุดวิสัยต่อท่าเรือเอส ไซเดอร์ และท่าเรือราส ลานุฟ และต่อแหล่งน้ำมันเอล ฟีลในวันพฤหัสบดี ในขณะที่ท่าเรือเบรกา และท่าเรือซูเอตินายังคงอยู่ในภาวะเหตุสุดวิสัยต่อไป ทางด้านยอดส่งออกน้ำมันของลิเบียอยู่ที่ระดับ 365,000-409,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงนี้ โดยดิ่งลงราว 865,000 บาร์เรลต่อวันจากปริมาณการผลิต "ในสถานการณ์ปกติ" ทั้งนี้ ในส่วนของเอกวาดอร์นั้น รัฐบาลเอกวาดอร์กับผู้นำกลุ่มชนพื้นเมืองได้บรรลุข้อตกลงกันในวันพฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. เพื่อยุติการประท้วงที่ดำเนินมาเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากการประท้วงดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของเอกวาดอร์ดิ่งลงกว่าครึ่งหนึ่งจากระดับ 500,000 บาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในวันศุกร์ ถึงแม้สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานของสหรัฐดิ่งลงจาก 56.1 ในเดือนพ.ค. สู่ 53.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2020 และถือเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นได้ในวันศุกร์ ถึงแม้ว่าดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นสู่ 105.10 ในช่วงท้ายวันศุกร์ จาก 104.75 ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดีด้วย โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงที่ระดับต่ำในช่วงนี้ ทั้งนี้ บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับขึ้น 1 แท่น สู่ 595 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับขึ้นรายเดือนมานานติดต่อกัน 22 เดือนแล้ว แต่ปรับขึ้นรายสัปดาห์ในระดับไม่เกิน 10 แท่นต่อสัปดาห์ในช่วงนี้ เนื่องจากบริษัทน้ำมันหลายแห่งมุ่งความสนใจไปยังการชำระหนี้และการคืนเงินให้แก่นักลงทุน แทนที่จะมุ่งความสนใจไปยังการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน
ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมัน 28.52 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. โดยดิ่งลง 100,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐจะเดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางในช่วงกลางเดือนก.ค. ซึ่งรวมถึงการเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียด้วย โดยปธน.ไบเดนกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เขาจะไม่กดดันซาอุดิอาระเบียโดยตรงให้ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน เมื่อเขาพบปะกับสมเด็จพระราชาธิบดีและมกุฎราชกุมารของซาอุดิอาระเบียในการเดินทางเยือนครั้งนี้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;