ทองคำมองหน้า SELL ได้เปรียบครับ เนื่องจากหลุดเทรนรับสำคัญ เด้ง SELL แต่ไม่น่าจะเด้งเยอะครับ หาจังหวะ SELL ถ้าขึ้นไปแถว SZ 1880 - 1900 หรือ 1920 เป็นจุดเทสเทรน แต่มองว่าจุดเด้งได้จะต้องลงมาปิด GAP แถวราคา 1820 - 1825 เป็นจุด BUY ครับ
แนวต้าน
1920
1900
1875
แนวรับ
1860
1820
1800
วันที่ 3 ก.พ. 2566 ราคาทองร่วงหนักจากข่าว Nonfarms Payrolls การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ทะลุคาดการณ์ พุ่งขึ้น 517,000 ค่าที่สูงกว่าที่คาดไว้ถือว่าเป็นลักษณะเชิงบวกกับเงินดอลล่าร์ เป็นผลลบกับทองคำราคาร่วงยับหลังจากตัวเลขการว่างงานสหรัฐออกมาดีกว่าขาด แต่ตลาดหุ้น บิทคอยน์ กลับร่วงกันระนาว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
📌 จ้างงานมากกว่าที่ขาด แต่ตลาดกลับร่วง?
มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน มค. มากถึง 517,000 งาน มากกว่าที่คาดไว้มากๆ ที่ 187,000 และมากกว่าเดือน ธค. ที่มีการจ้างงานอยู่ที่ 260,000 ตัวเลขทั้งหมดเหมือนจะชี้ให้เห็นว่าเศรษกิจดี แต่หลังจากประกาศได้แปปเดียว บิทคอยน์ก็ปรับราคาลดลงมาที่ 23,379 ในขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones ก็ลดลง 189 จุด หรือราวๆ 0.4% S&P500 ลดลง 1% และ Nasdaq ลดลง 1.6%
📌 งานเยอะ ใช้จ่ายสะดวก ข้าวของแพง
เนื่องจากการที่มีการจ้างงานมากขึ้น ตลาดแรงงานอยู่ในสภาพที่ดี จะทำให้มีเงินไหลอยู่ในระบบมากยิ่งขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการ แรงซื้อในตลาดสินค้าและบริการ ส่วนผลให้ราคาข้าวของพุ่งสูงยิ่งขึ้น และจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) ซึ่งเป็นแรงกดดันให้กับ FED ในการคงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
📌 เรากำลังลงทุนสำหรับมูลค่าในอนาคต
อัตราดอกเบี้ยที่สูง ถือว่าเป็นของแสลงกับหุ้นเทคโนโลยี หุ้นเติบโต หรือแม้แต่กระทั่งคริปโต เนื่องจากการที่เราซื้อหุ้นเทคโนโลยี หรือคริปโตในวันนี้ เราอาจจะไม่ได้ซื้อมูลค่าปัจจุบันของมัน แต่กำลังซื้อมูลค่าในอนาคต เรากำลังซื้อ “อนาคต” ที่ คริปโต จะเป็นได้ การที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงมากขึ้น จะทำให้มูลค่าเงินในอนาคตลดลง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการเงิน 110 บาทในอนาคต ดอกเบี้ย 10% วันนี่เราจะต้องฝากเงิน 100 บาท หมายความว่า เงิน 110 บาทในอนาคต มีมูลค่าแค่ 100 บาทในวันนี้ ถ้าอัตราดอกเบี้ย 10% แต่เราจะเห็นว่าถ้าอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เงิน 110 บาทในอนาคต จะเหลือมูลค่าไม่ถึง 100 บาท ซึ่งจากปรากฏการแบบนี้ ทำให้มูลค่าปัจจุบันของหุ้นเทคโนโลยี รวมไปถึงคริปโตลดลง
แนวต้าน
1920
1900
1875
แนวรับ
1860
1820
1800
วันที่ 3 ก.พ. 2566 ราคาทองร่วงหนักจากข่าว Nonfarms Payrolls การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ทะลุคาดการณ์ พุ่งขึ้น 517,000 ค่าที่สูงกว่าที่คาดไว้ถือว่าเป็นลักษณะเชิงบวกกับเงินดอลล่าร์ เป็นผลลบกับทองคำราคาร่วงยับหลังจากตัวเลขการว่างงานสหรัฐออกมาดีกว่าขาด แต่ตลาดหุ้น บิทคอยน์ กลับร่วงกันระนาว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
📌 จ้างงานมากกว่าที่ขาด แต่ตลาดกลับร่วง?
มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน มค. มากถึง 517,000 งาน มากกว่าที่คาดไว้มากๆ ที่ 187,000 และมากกว่าเดือน ธค. ที่มีการจ้างงานอยู่ที่ 260,000 ตัวเลขทั้งหมดเหมือนจะชี้ให้เห็นว่าเศรษกิจดี แต่หลังจากประกาศได้แปปเดียว บิทคอยน์ก็ปรับราคาลดลงมาที่ 23,379 ในขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones ก็ลดลง 189 จุด หรือราวๆ 0.4% S&P500 ลดลง 1% และ Nasdaq ลดลง 1.6%
📌 งานเยอะ ใช้จ่ายสะดวก ข้าวของแพง
เนื่องจากการที่มีการจ้างงานมากขึ้น ตลาดแรงงานอยู่ในสภาพที่ดี จะทำให้มีเงินไหลอยู่ในระบบมากยิ่งขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการ แรงซื้อในตลาดสินค้าและบริการ ส่วนผลให้ราคาข้าวของพุ่งสูงยิ่งขึ้น และจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) ซึ่งเป็นแรงกดดันให้กับ FED ในการคงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
📌 เรากำลังลงทุนสำหรับมูลค่าในอนาคต
อัตราดอกเบี้ยที่สูง ถือว่าเป็นของแสลงกับหุ้นเทคโนโลยี หุ้นเติบโต หรือแม้แต่กระทั่งคริปโต เนื่องจากการที่เราซื้อหุ้นเทคโนโลยี หรือคริปโตในวันนี้ เราอาจจะไม่ได้ซื้อมูลค่าปัจจุบันของมัน แต่กำลังซื้อมูลค่าในอนาคต เรากำลังซื้อ “อนาคต” ที่ คริปโต จะเป็นได้ การที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงมากขึ้น จะทำให้มูลค่าเงินในอนาคตลดลง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการเงิน 110 บาทในอนาคต ดอกเบี้ย 10% วันนี่เราจะต้องฝากเงิน 100 บาท หมายความว่า เงิน 110 บาทในอนาคต มีมูลค่าแค่ 100 บาทในวันนี้ ถ้าอัตราดอกเบี้ย 10% แต่เราจะเห็นว่าถ้าอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เงิน 110 บาทในอนาคต จะเหลือมูลค่าไม่ถึง 100 บาท ซึ่งจากปรากฏการแบบนี้ ทำให้มูลค่าปัจจุบันของหุ้นเทคโนโลยี รวมไปถึงคริปโตลดลง