วิเคราะห์ทองคำเช้านี้ที่ 16.03.2022
ภาครวมเศรษฐกิจทางสหรัฐ
1.Balance Sheet 8,910 ไม่มีการปรับตัวลงหรือปรับตัวขึ้นแต่อย่างใด หากปรับขึ้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งตาม ( ยังคงหนุนทองคำ )
2.USD LIBOR Interest Rates 0.07843%---> 0.07929% อัตราดอกเบี้ยการกู้ระหว่างธนาคารของตลาดลอนดอน ยิ่งปรับตัวขึ้น ยิ่งกดดันทอง ยิ่งปรับตัวลงก็หนุนทอง ( มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย กดดันทองคำ )
3.การคาดการณ์ของFOMC มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย เพียง 0.25% ได้ปรับตัวลงที่ 94.9%--->99.3% #หนุนทองคำ
( หากยังยืนอยู่90%แบบนี้มีโอกาสทองจะขึ้นต่อ ) แต่ถ้าเฟดเซอร์ไพร์ ขึ้น 0.5% ทองจะลงฮ้วบๆ
4.Reverse repo rate 1,568--->1,608 คืออัตราที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารกลางของอินเดีย มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทองขึ้นได้ไม่มาก ( ค่อนข้างหนุนทองคำ )
5.Break Even 10 Year การคาดการณ์เงินเฟ้อ 10 ปีอยู่ที่ 2.94--->2.84 ( ตัวนนี้จะเป็นตัวที่เฟดจะตัดสินใจในการขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งเยอะ หนุนทองระยะสั้น กดดันทองในระยะยาว )
6.กองทุน SPDR วันที่ 16 ได้มีการเทขายทองคำ 2.32 ตัน ( อันนี้น่าคิดว่าทำไมกองทุนถึงเทขาย #กดดันทองคำ )
7.Forward Inflation 5 Year การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5 ปี มีการย่อตัวเล็กน้อยที่ 2.36 ---> 2.26 และยังอยู่ในระดับที่สูง ( ตัวนนี้จะเป็นตัวที่เฟดจะตัดสินใจในการขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งเยอะ หนุนทองระยะสั้น กดดันทองในระยะยาว )
8. CBOE GOLD ETF VOLATILITY INDEX ดัชนีความกลัวของทองคำ ที่ 26.08 ---> 24.08 แสดงถึงความกังวลในตลาดทองคำได้ลดลง ( กดดันทองคำ )
9.ดัชนีหุ้นเหมืองทองคำ HUI มีการย่อตัวลงเล็กน้อย ( ค่อนข้างหนุนทองคำ )
10.US30 ดาวน์โจส มีการปรับตัวขึ้นมาหลังจากสถานการณ์ของยูเครนกับรัสเซียเริ่มอ่อนตัวลง ( กดดันทองคำ )
11.Realyield 10y มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.943 --->0.694 มีการปรับตัวขึ้นมาหลังจากสถานการณ์ของยูเครนกับรัสเซียเริ่มอ่อนตัวลง ( กดดันทองคำ )
12. US10Y ปรับตัวขึ้นมาที่ 2.14 --->2.146 ( กดดันทอง )
13.TIP หรือตราสารหนี้ มีการเทขายที่ชัดเจนหลังสงครามยูเครนกับรัสเซียเริ่มเบาบางลง ( กดดันทองคำ )
14. DXY หรือดัชนีดอลลาห์ 99.084 --->98.826 เริ่มมีการไซด์เวย์ลงเรื่อยๆ หลังจากสถานการณ์ยูเครนกับรัสเซียเริ่มเบาบางลง ( หากอยู่ในสภาวะปกติ ยิ่งขึ้นยิ่งกดดันทอง แต่กับสงครามกลับกัน ยิ่งลงยิ่งกดดันทอง )
15.แร่โลหะ ได้ปรับตัวลงพร้อมกับทองคำ ( กดดันทองคำ )
16. GoldSilver Ratio อัตราส่วนทองคำและเงิน เริ่มมีสัญญาณในแดนลบ ในรูปแบบการไซด์เวย์ลงเรื่อยๆ ( กดดันทองคำ )
17.U.S. 10 Year Tips คือจำนวณที่เพิ่มขึ้น/ลดลง ( ข้อ 10 ) ณ ช่วงเวลานี้อยู่ในแดนบวก -0.042 ( กดดันทองคำ )
18. 2-10 Spread 0.275 ---> 0.298 เป็นตัวชี้วัดของสถาบันการเงินต่างๆที่มีผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ( หากบวกเพิ่มเรื่อยๆก็เริ่มจะกดดันทอง )
19. Put/Call OI Ratio 1.03---> 1.16 หลังจากที่มีการส่งสัญญาณเชิงบวกของวิกฤติสงครามทำให้สัญญาณ Put/Call OI Ratio สูงขึ้นอาจทำให้ทองคำลงในอนาคต
20.Fear & Greed Index ค่าความกลัวของตลาดหุ้น 15---> 19 ยังอยู่ในแดนกลัวแบบขี้หดตดหาย /โคตระน่ากลัว หากปรับตัวขึ้นเรื่อยๆก็เริ่มจะส่งผลดีในด้านของราคาหุ้นและบิทคอยน์ แต่จะส่งผลเสียให้ราคาทองคำ ( กดดันทองคำ )
21.ฝั่งของราคาน้ำมัน มีการปรับตัวลงอยู่ที่ 97.13$ หลังจากการอุปทานของนักลงทุนได้มีการเทขายทำกำไรช่วงสงครามที่เริ่มจะมีการเจรจา และราคาเริ่มกลับมาสู่ปกติอีกครั้ง ทำให้ราคาน้ำมันลงมามากว่า 30$ ( กดดันทองคำ )
สรุปได้ว่า ภาครวมยังไปในทิศทางที่กดดันราคาทองคำ เนื่องจากการข่าวส่งครามยูเครนเริ่มเบาบางลงมาบ้าง อาจส่งผลดีให้ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัวบ้าง และราคาทองคำที่ลงมามากกว่า 160$ จาก 2071 - 1911 ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ดียังมีการคาดการณ์ถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ในเวลาตี1 ของวันนี้ และเวลาตี 2 ที่จะมีการประกาศของลุงโพเวล ปธ.คณะกรรมการ ธนาคารกลางสหรัฐ ที่นักลงทุนควรจับตามองในการขึ้นดอกเบี้ย ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% ตามที่คาดการณ์ของ CME Group ที่คาดการณ์ไว้ว่าโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มีถึง 99.3% และการแก้ไขปัญหาของด้านเงินเฟ้อที่พุ่งสูงทำไฮใหม่ในรอบ 40ปี ที่ 7.9% และการทำคิวอีรอบใหม่
อย่างไรก็ดีวันนี้ตลาดจะมีการผันผวนที่ค่อนข้างมาก นักลงทุนทุกท่านโปรดใช้จักรยานในการรับขี่ด้วยเด้อ
ใครดอยก็ขอให้หลุด ใครเหวก็ขอให้หลุดเหว แล้วรวยไปด้วยกัน ขอบคุณครับ
1.Balance Sheet 8,910 ไม่มีการปรับตัวลงหรือปรับตัวขึ้นแต่อย่างใด หากปรับขึ้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งตาม ( ยังคงหนุนทองคำ )
2.USD LIBOR Interest Rates 0.07843%---> 0.07929% อัตราดอกเบี้ยการกู้ระหว่างธนาคารของตลาดลอนดอน ยิ่งปรับตัวขึ้น ยิ่งกดดันทอง ยิ่งปรับตัวลงก็หนุนทอง ( มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย กดดันทองคำ )
3.การคาดการณ์ของFOMC มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย เพียง 0.25% ได้ปรับตัวลงที่ 94.9%--->99.3% #หนุนทองคำ
( หากยังยืนอยู่90%แบบนี้มีโอกาสทองจะขึ้นต่อ ) แต่ถ้าเฟดเซอร์ไพร์ ขึ้น 0.5% ทองจะลงฮ้วบๆ
4.Reverse repo rate 1,568--->1,608 คืออัตราที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารกลางของอินเดีย มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทองขึ้นได้ไม่มาก ( ค่อนข้างหนุนทองคำ )
5.Break Even 10 Year การคาดการณ์เงินเฟ้อ 10 ปีอยู่ที่ 2.94--->2.84 ( ตัวนนี้จะเป็นตัวที่เฟดจะตัดสินใจในการขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งเยอะ หนุนทองระยะสั้น กดดันทองในระยะยาว )
6.กองทุน SPDR วันที่ 16 ได้มีการเทขายทองคำ 2.32 ตัน ( อันนี้น่าคิดว่าทำไมกองทุนถึงเทขาย #กดดันทองคำ )
7.Forward Inflation 5 Year การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5 ปี มีการย่อตัวเล็กน้อยที่ 2.36 ---> 2.26 และยังอยู่ในระดับที่สูง ( ตัวนนี้จะเป็นตัวที่เฟดจะตัดสินใจในการขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งเยอะ หนุนทองระยะสั้น กดดันทองในระยะยาว )
8. CBOE GOLD ETF VOLATILITY INDEX ดัชนีความกลัวของทองคำ ที่ 26.08 ---> 24.08 แสดงถึงความกังวลในตลาดทองคำได้ลดลง ( กดดันทองคำ )
9.ดัชนีหุ้นเหมืองทองคำ HUI มีการย่อตัวลงเล็กน้อย ( ค่อนข้างหนุนทองคำ )
10.US30 ดาวน์โจส มีการปรับตัวขึ้นมาหลังจากสถานการณ์ของยูเครนกับรัสเซียเริ่มอ่อนตัวลง ( กดดันทองคำ )
11.Realyield 10y มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.943 --->0.694 มีการปรับตัวขึ้นมาหลังจากสถานการณ์ของยูเครนกับรัสเซียเริ่มอ่อนตัวลง ( กดดันทองคำ )
12. US10Y ปรับตัวขึ้นมาที่ 2.14 --->2.146 ( กดดันทอง )
13.TIP หรือตราสารหนี้ มีการเทขายที่ชัดเจนหลังสงครามยูเครนกับรัสเซียเริ่มเบาบางลง ( กดดันทองคำ )
14. DXY หรือดัชนีดอลลาห์ 99.084 --->98.826 เริ่มมีการไซด์เวย์ลงเรื่อยๆ หลังจากสถานการณ์ยูเครนกับรัสเซียเริ่มเบาบางลง ( หากอยู่ในสภาวะปกติ ยิ่งขึ้นยิ่งกดดันทอง แต่กับสงครามกลับกัน ยิ่งลงยิ่งกดดันทอง )
15.แร่โลหะ ได้ปรับตัวลงพร้อมกับทองคำ ( กดดันทองคำ )
16. GoldSilver Ratio อัตราส่วนทองคำและเงิน เริ่มมีสัญญาณในแดนลบ ในรูปแบบการไซด์เวย์ลงเรื่อยๆ ( กดดันทองคำ )
17.U.S. 10 Year Tips คือจำนวณที่เพิ่มขึ้น/ลดลง ( ข้อ 10 ) ณ ช่วงเวลานี้อยู่ในแดนบวก -0.042 ( กดดันทองคำ )
18. 2-10 Spread 0.275 ---> 0.298 เป็นตัวชี้วัดของสถาบันการเงินต่างๆที่มีผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ( หากบวกเพิ่มเรื่อยๆก็เริ่มจะกดดันทอง )
19. Put/Call OI Ratio 1.03---> 1.16 หลังจากที่มีการส่งสัญญาณเชิงบวกของวิกฤติสงครามทำให้สัญญาณ Put/Call OI Ratio สูงขึ้นอาจทำให้ทองคำลงในอนาคต
20.Fear & Greed Index ค่าความกลัวของตลาดหุ้น 15---> 19 ยังอยู่ในแดนกลัวแบบขี้หดตดหาย /โคตระน่ากลัว หากปรับตัวขึ้นเรื่อยๆก็เริ่มจะส่งผลดีในด้านของราคาหุ้นและบิทคอยน์ แต่จะส่งผลเสียให้ราคาทองคำ ( กดดันทองคำ )
21.ฝั่งของราคาน้ำมัน มีการปรับตัวลงอยู่ที่ 97.13$ หลังจากการอุปทานของนักลงทุนได้มีการเทขายทำกำไรช่วงสงครามที่เริ่มจะมีการเจรจา และราคาเริ่มกลับมาสู่ปกติอีกครั้ง ทำให้ราคาน้ำมันลงมามากว่า 30$ ( กดดันทองคำ )
สรุปได้ว่า ภาครวมยังไปในทิศทางที่กดดันราคาทองคำ เนื่องจากการข่าวส่งครามยูเครนเริ่มเบาบางลงมาบ้าง อาจส่งผลดีให้ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัวบ้าง และราคาทองคำที่ลงมามากกว่า 160$ จาก 2071 - 1911 ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ดียังมีการคาดการณ์ถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ในเวลาตี1 ของวันนี้ และเวลาตี 2 ที่จะมีการประกาศของลุงโพเวล ปธ.คณะกรรมการ ธนาคารกลางสหรัฐ ที่นักลงทุนควรจับตามองในการขึ้นดอกเบี้ย ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% ตามที่คาดการณ์ของ CME Group ที่คาดการณ์ไว้ว่าโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มีถึง 99.3% และการแก้ไขปัญหาของด้านเงินเฟ้อที่พุ่งสูงทำไฮใหม่ในรอบ 40ปี ที่ 7.9% และการทำคิวอีรอบใหม่
- เส้นสีแดง ค่อนข้างมีน้ำหนักที่สูงหลังจากการถกเถียงในที่ประชุมที่ผ่านมา ได้มีการเสนอการขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% + เงินเฟ้อที่สูง 7.9% และสถานการณ์ของสงครามมันยังอึมครึม หรือยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน
- เส้นสีส้ม ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% + สถานการณ์คลี่คลายของสงคราม
- เส้นสีเขียว ลุงมีการเซอร์ไพรส์ ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% + สถานการณ์คลี่คลายของสงคราม
อย่างไรก็ดีวันนี้ตลาดจะมีการผันผวนที่ค่อนข้างมาก นักลงทุนทุกท่านโปรดใช้จักรยานในการรับขี่ด้วยเด้อ
ใครดอยก็ขอให้หลุด ใครเหวก็ขอให้หลุดเหว แล้วรวยไปด้วยกัน ขอบคุณครับ